วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

แบบฝึกหัดเรื่องอาหารและสารปรุงแต่ง

ใบงาน
แบบฝึกหัดเรื่องอาหารและสารปรุงแต่ง


ตอนที่ 1 ให้นักศึกษาเลือกข้อที่ถูกที่สุดโดยทำเครื่องหมาย (X)

1. คำกล่าวในข้อใดถูกต้อง
ก. ข้าวเป็นอาหารหลักของคนไทยที่ให้คาร์โบไฮเดรตร้อยละ 100
ข. คาร์โบไฮเดรตไม่ช่วยในการเผาไหม้ของสารอาหารไขมัน
ค. วุ้นเส้นทำจากโปรตีนของถั่วเขียว
ง. ถ้าร่างกายไม่มีโรคภัย การเพิ่มน้ำหนักให้แก่ตัวเองก็ทำได้โดยการกินอาหารคาร์โบไฮเดรตให้มากและกินอาหารอย่างอื่นๆ อย่างสมส่วน
2. ต่อไปนี้ข้อใดถูกต้อง
ก. กรดอะมิโนประกอบด้วยคาร์บอน ไฮโดรเจน และออกซิเจน
ข. โปรตีนสมบูรณ์มีอยู่ในข้าวสาลี ข้าวโอ๊ต และข้าวโพด
ค. ถั่วเมล็ดแห้งทุกชนิดยกเว้นถั่วเหลืองให้โปรตีนชนิดไม่สมบูรณ์
ง. กรดอะมิโนชนิดจำเป็น ร่างกายสามารถสังเคราะห์ได้ในอัตราที่รวดเร็วตามความต้องการ
3. คำกล่าวในข้อใดผิด
ก. ในตับมีน้ำตาลประเภทไกลโคเจน
ข. มะม่วงเป็นผลไม้ จึงไม่มีคาร์โบไฮเดรต
ค. เซลลูโลสอยู่ในพืชผักเป็นคาร์โบไฮเดรตชนิดหนึ่ง แต่ไม่ให้พลังงาน
ง. การดื่มน้ำผลไม้หรือกินผลไม้หวาน จะช่วยให้ร่างกายสดชื่นเพราะกลูโคสที่อยู่จะถูกดูดซึมเข้ากระแสโลหิตได้ทันที
4. จงพิจารณาว่าข้อใดผิด
ก. การงดอาหารไขมันและคาร์โบไฮเดรตจะทำให้น้ำหนักลดอย่างไม่เสียสุขภาพ
ข. การทำงานบ้าน เช่น พรวนดิน รดน้ำต้นไม้ ถูบ้าน ถือเป็นการออกกำลังกาย
ค. น้ำสลัดอย่างข้น (มายองเนส) มีคุณค่าทางอาหารสูงกว่าน้ำสลัดอย่างใส
ง. ถ้ากินอาหารเช้าโดยลดปริมาณลงจะดีกว่าอดเสียเลย เพราะจะช่วยทำให้ไม่หิวมากไป ร่างกายก็ได้สารอาหารไปหล่อเลี้ยงตามปกติ
5. สารอาหารในข้อใดมีหน้าที่สำคัญที่ช่วยในการดูดซึมวิตามิน เอ,ดี,อี และ เค
ก. คาร์โบไฮเดรต ข. โปรตีน
ค. ไขมัน ง. น้ำ
6. การรับประทานอาหารในข้อใดจะช่วยลดภาวะการเกิดมะเร็งในร่างกายได้
ก. ผักสีเหลือง, สีแดง ข. ผักสีแดง, สีเขียว
ค. ผักผลไม้สีเหลือง, สีแดง ง. ผักผลไม้ทั้งสีเหลือง, สีแดง และสีเขียว
7. โปแตสเซียม ไอโอไดด์ ผสมไปในอาหารเพื่อจุดประสงค์ใด
ก. ชดเชยการสูญเสียวิตามิน ข. ป้องกันโรคโลหิตจาง
ค. ป้องกันโรคคอหอยพอก ง. ป้องกันโรคกระดูกอ่อน
8. โดยปกติคนที่มีน้ำหนักตัว 50 ก.ก. จะรับประทานผงชูรสได้ไม่เกินวันละประมาณเท่าใด
ก. ครึ่งช้อนชา ข. หนึ่งช้อนชา ค. ช้อนชาครึ่ง ง. หนึ่งช้อนโต๊ะ
9. ต่อไปนี้ผลึกของสารใดเป็นแท่งยาวคอดตรงกลาง หัวท้ายโต ไม่เรียบ ลักษณะทึบ
ก. โมโนโซเดียมกลูตาเมต ข. โซเดียมเมตาฟอสเฟต
ค. บอแรกซ์ ง. โปแตสเซียมไนเตรท
10. วิธีแก้ไม่ให้น้ำมันเหม็นหืน ทำได้โดยเต็มสารใด
ก. วิตามินเอ ข. วิตามินบี ค.วิตามินดี ง. วิตามินอี
11. สารที่ใช้ในการถนอมอาหาร แต่อาจทำให้เกิดสารประกอบพวกไนโตรซามีนซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็ง ได้แก่สารในข้อใด
ก. โซเดียมไนเตรท โปแตสเซียมไนไตรท์ ข. โซเดียมไนไตรท์ โปแตสเซียมเบนโซเอต
ค. โซเดียมเบนโซเอต โปแตสเซียมไนเตรท ง. โซเดียมเบนโซเอต โปแตสเซียมเบนโซเอต
12. น้ำส้มสายชูที่ได้จากการนำกรดอะซิติกผสมน้ำให้เข้มข้น 4-5% เรียกอย่างไร
ก. น้ำส้มสายชูหมัก ข.น้ำส้มสายชูกลั่น
ค. น้ำส้มสายชูเทียม ง. น้ำส้มสายชูปลอม
13. ตะเกียบมีสีสันโดยใช้สีทาบ้านทา ผู้ใช้มักได้รับอันตรายจากการที่โลหะหนักในสีถูกความร้อนละลายลงไปในอาหาร โลหะหนักที่ว่านั้นได้แก่สารในข้อใด
ก. เหล็ก ข. ทองแดง ค. โคบอลท์ ง. ตะกั่ว
14. ถ้านักศึกษาต้องการเติมสารกันบูดในอาหารเพื่อจะเก็บไว้นานๆ ควรเลือกปฏิบัติข้อใดจึงปลอดภัย
ก. ถามจากคนที่เคยใช้
ข. ศึกษาจากประกาศของกระทรวงสาธารณสุข
ค. ซื้อสารกันบูดที่มีขายตามตลาดมาใส่
ง. ขอคำแนะนำจากคนขายยาและซื้อจากร้ายขายยา
15. น้ำตาลเทียมที่รู้จักกันมากคือข้อใด
ก. แซคคาริน ข.กลูโคส ค. ซูโครส ง. แลคโตส
ตอนที่ 2 เติมคำลงในช่องว่าง

1. “กินเนื้อสัตว์โดยเฉพาะพวกเนื้อวัวและอาหารฟาสต์ฟู้ดมากเกินไป
จะเกิดสารไนโตรซามีนสะสมในร่างกายและทำให้เป็นมะเร็งได้”
ก. ไนโตรซามีน คือ............................................................................................................
ข. การกินเนื้อสัตว์โดยวิธีใดจะทำให้เกิดไนโตรซามีนขึ้น.......................................................
ค. ภาษาแพทย์อาจเรียกไนโตรซามีนว่า..............................................................................

2. ไข่ อาหารคู่บ้านคู่ครัวของไทยเรา ซึ่งคนไทยเรานำมาปรุงเป็นอาหารได้สารพัดชนิด ทั้งไข่ตุ๋น ไข่เจียว ไข่ดาว ไข่ลวก ฯลฯ อีกทั้งไข่ก็จัดว่าเป็นอาหารที่ให้คุณค่าทางโภชนาการสูง มีทั้งโปรตีน ไขมัน วิตามินเอ ธาตุเหล็ก สังกะสี เป็นต้น ฯลฯ
ไข่ อาหารคู่บ้านคู่ครัวของไทยเรา ซึ่งคนไทยเรานำมาปรุงเป็นอาหารได้สารพัดชนิด ทั้งไข่ตุ๋น ไข่เจียว ไข่ดาว ไข่ลวก ฯลฯ อีกทั้งไข่ก็จัดว่าเป็นอาหารที่ให้คุณค่าทางโภชนาการสูง มีทั้งโปรตีน ไขมัน วิตามินเอ ธาตุเหล็ก สังกะสี เป็นต้น ฯลฯ แต่การที่จะกินไข่ให้ได้ประโยชน์ก็ต้องรู้จักกิน เพราะในไข่ขาวที่ไม่สุกหรือสุกๆ ดิบๆ จะมีสาร ชื่อว่า อะวิดิน
อะวิดิน ก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกายคือ
...................................................................
...................................................................
...................................................................
...................................................................



3. ดินประสิว มีสูตรทางเคมี คือ KNO3
ก. K คือธาตุ..............................................................
ข. ดินประสิวใช้ประโยชน์ได้คือ...........................................
ค. ดินประสิวมักใช้ใส่เจือปนในอาหารเพื่อจุดประสงค์ใด.................
ง. ปริมาณของดินประสิวในอาหารในระดับที่ปลอดภัย ที่ว่า ไนเตรท ไม่เกิน 200 มก./กก.อาหาร และ ไนไตร์ท ไม่เกิน 500 มก./กก.อาหาร ถูกกำหนดโดยหน่วยงานใด ..........................................................
ตอนที่ 3 ให้นำตัวอักษรด้านขวามือมาใส่ลงหน้าตัวเลขทางด้านซ้ายมือ

______ 1. สารให้ความหวานมากกว่าน้ำตาล 180 เท่า
ยังไม่พบความเป็นพิษ ในปัจจุบันอนุญาตให้ใส่ ในอาหาร สังเคราะห์ได้จากกรดอะมิโน
______ 2. เกลือโซเดียมหรือโปแตสเซียมไนเตรท หรือไนไตรท์ นิยมใส่ในอาหาร
ไส้กรอก หมูแฮม เบคอน เพื่อรส
______ 3. เป็นเกลือของกรดกลูตามิก มีลักษณะเป็นผลึกสีขาว
______ 4. อาจเรียกว่า เพ่งแซ หรือน้ำประสานทอง ขนาดที่
รับประทานแล้วเกิดอันตรายคือ ประมาณ 5-10 กรัม ฌ. HDL
ต่อครั้ง อาจใส่ในอาหาร เช่นมะม่วงดอง แหนม หมูยอ หัวผักกาดเค็ม
______ 5. สารกันบูด ถ้ากินปริมาณมากอาจเกิดอาการท้องเสียได้
มักใส่ในอาหาร น้ำผลไม้ ผลไม้กระป๋อง
______ 6. สารกันหืนที่นิยมใช้ในอุตสาหกรรม อาหารที่มีพวกไขมันและน้ำมัน
______ 7. สารซึ่งกระทรวงสาธารณสุขห้ามใส่ลงในอาหาร หากพบในอาหาร
แสดงว่ามีการจงใจกระทำผิดกฎหมาย แต่อาจพบได้ในอาหารหลากหลายชนิด
ซึ่งไม่ผ่านการรับรองของอย.
______ 8. มันสามารถทำให้น้ำมันเหลวในเลือดเปลี่ยนสภาพเป็นก้อนไขมันเหนียวหนืด
คล้ายโคลนติดเกรอะกรังในหลอดเลือด ขัดขวางการเดินทางของเลือด มันสามารถทำให้ผนังเซลล์
หลอดเลือดชั้นในเกิดเป็นแผล กลายเป็นแหล่งเกาะของตะกรันในเลือด มันทำให้เกิดการเสื่อมของอวัยวะทุกชนิด
______ 9. ใช้ล้างผัก โดยใช้สาร 1 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำ20 ลิตร จะลดปริมาณสารเคมีตกค้างได้มากกว่า 70%
______ 10. มาตรฐานประเทศไทยในการกำหนดร้อยละปริมาณสารอาหาร
ซึ่งร่างกายจะต้องได้รับในแต่ละวันเพื่อความสมบูรณ์ของร่างกาย
ก. กรดซอร์บิก, กรดเบนโซอิก
ข. บอแรกซ์
ค. ดินประสิว
ง. ผงชูรส
จ. เอสพาร์แทม
ฉ.บีเอสที,บีเอชเอ,กรดแอสคอร์บิก
ช. อนุมูลอิสระ
ซ. RDI
ฌ. HDL
ญ. โซเดียมไฮโดรเจน คาร์บอเนต
ฎ. น้ำส้มสายชู
ฏ. สารเลนดอล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น